สถานที่พักของค่ายนี้ไม่ใช่ "ที่พัก" แต่เป็นสถานปฏิบัติธรรม ชื่อว่า "สถานปฏิบัติธรรมจอมทอง" ผู้ที่จะมาติดต่อขออนุญาตพระอาจารย์ ต้องระวังว่าท่านจะไม่ได้ใบเสร็จ เพราะไม่มีใบเสร็จ ไม่มีใบอนุโมทนาบัตรที่จะเอาไปลดหย่อนภาษี เพราะยังไม่ได้ตั้งเป็นวัด ดังนั้นขอแนะนำตามระเบียบการเงินให้ตั้งเบิกเป็นค่าบำรุงสถานที่ แล้วนำเงินที่จะจ่ายเป็นค่าที่พักนั้นมาทานทำดีบำรุงสถานที่ปฏิบัติธรรมของสงฆ์สุปฏิปันโน
อีกประเด็นสำคัญคือ หากจะมาขอพักค่ายที่นี่ ซึ่งสามารถรับผู้มาปฏิบัติธรรมได้มากกว่า ๗๐ คน ควรต้องเป็นค่ายปฏิบัติธรรมตามจุดประสงค์ของสำนักฯ ประเด็นนี้ต้องกราบนมัสการพระอาจารย์เจ้าอาวาสเองว่า กิจกรรมปฏิบัติธรรมนั้น จะสามารถมีได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไร
สำหรับข้อวัตรปฏิบัติของพระที่นี่ ท่านจะตื่นมาทำวัตรเช้าตอนตีสามครึ่ง สวดมนต์ไหว้พระถึงตีสี่ นั่งเจริญสติทำสมาธิต่อถึงตีห้าครึ่ง แล้วท่านจึงออกบิณฑบาตรในหมู่บ้าน รับภัตตาหารตอนเจ็ดโมงครึ่งหรือแปดโมง ฉันจังหันตอนประมาณแปดโมงเช้าหรือแปดโมงครึ่ง ตอนเย็นเริ่มทำวัตรหกโมงเย็นสวดมนต์ถึงทุ่มครึ่ง ปฏิบัติธรรมถึงเกือบสามทุ่ม
สำหรับค่ายนี้พระอาจารย์อนุญาตกรณีพิเศษให้ไม่เคร่งครัดนักเรื่องปฏิบัติธรรมมากนัก ตื่นตอนตีห้ามาร่วมสวดมนต์และนักปฏิบัติถึงหกโมงเช้า และร่วมถวายภัตตาหารตอนเช้า ก่อนจะออกไปทำกิจกรรมที่หนองเลิงเปือย
ขอเล่าด้วยภาพเหมือนตอนที่แล้วครับ... (บันทึกไว้เตือนความจำเด็กๆ หรือเผื่อเพื่อนครูท่านใดจะพาเด็กๆ ไปเรียนรู้แบบนี้บ้างครับ)
ตื่นนอนตอนตีห้า สวดมนต์ไหว้พระปฏิบัติธรรมนำสมาธิเจริญสติ
ร่วมถวายภัตตาหารเช้า (ภาพวันสุดท้าย)
กลุ่มที่ ๑ ไปเรียนรุ้กับตาสุขี หลังจากบรรยายซักถามถอดบทเรียนแล้ว กิจกรรมที่ท่านพาทำคือ ล้างบ่อกบ คัดแยกเพศกบ ให้อาหารปลา ลงจับปลานิล ปลูกผัก จับจิ๊งหรีด ฯลฯ
กลุ่มที่ ๒ ได้ทดลองเตรียมดินปลูกมะเขือเทศ แล้วไปศึกษาเกษตรผสมผสานในไร่พ่อเรืองศิลป์
พ่อเรืองศิลป์นำเอาผลงานนักเรียนทุนเศรษฐกิจพอเพียงมาแสดง
กลุ่มที่ ๓ ลุยสุดๆ ตอนเช้าทำปุ๋ย ตอนบ่ายไปหว่านปอเทืองกว่า ๑๐ ไร่ ....
(ขออภัยผมไม่มีรูปตอนไปหว่านปอเทือง เด็กดีฯ ใครมีส่งให้อาจารย์ด้วยครับ)
กลับมาตอนเย็น ก็มาถอดบทเรียนกัน
และทำกิจกรรมฉันพี่น้อง
และจบด้วยพิธีเทียน ... (ถ้าใครบางคนที่อยู่ในนี้เขียนบันทึกเล่าเรื่องให้ฟังจะดีมากๆ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น